ในห้องสนทนา Clubhouse วันก่อน มีน้อง ๆ คนรุ่นใหม่คุยกันเรื่องการเมือง มีน้องคนนึง แสดงความกังวลใจว่าจะต้องต่อสู้ถึงเมื่อไร แล้วจะชนะเมื่อไร
ผมมีคำตอบแบบสั้นให้เลยว่า “มันคือการต่อสู้ตลอดชีวิต” ฟังดูอาจทรมานใจ แต่ความจริงอาจสั้นกว่านั้น และทำไมผมจึงตอบแบบนี้?
คำตอบคือคุณไม่ได้กำลังต่อสู้กับคนกลุ่มเดียว หรือคนกลุ่มใหญ่มากนับล้านคนอย่างเดียว แต่คุณกำลังต่อสู้ทางความคิดที่ฝั่งอยู่ในทุกอณูของกลุ่มคนที่เรากำลังต่อสู้ด้วย กลุ่มคนที่ไม่เชื่อว่าคนเท่ากัน คนที่ตั้งแต่เล็กจนโตซึมซับแนวคิดทางการเมืองและศาสนาจนกลายเป็นความคิดกลุ่มเดียวที่เรา identify ในวันนี้ว่าเป็นสลิ่ม เขาเชื่อมาแบบนี้ ไม่ว่าหลักฐานและข้อเท็จจริงจะเด่นชัดขนาดไหน แบบเดียวกับเวลาคุณไปคุยกับคนในศาสนาใด ๆ ให้เขาเลิกนับถือศาสนานั้นแบบชั่วข้ามวัน
มันไม่ได้เกิดขึ้นมาง่าย ๆ แต่ด้านบวกจริง ๆ คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไม่ได้อินกับศาสนาสลิ่มเป็นจำนวนมาก นั่นคือหลายคนเลยเชื่อว่าเวลาอยู่ข้างพวกเขา แต่ระหว่างนี้ต้องทำอย่างไร?
จะให้ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุกันแบบสมัยก่อน ก็ไม่มีใครรับกันได้ เหลืออยู่อย่างเดียวคือสงครามทางความคิด และเป็นความคิดที่ถูกต้องที่จะนำเราไปสู่อนาคตด้วย
มันจึงเป็นสงครามระดับชั่วชีวิต เพราะคนความคิดสลิ่มอาจตายไป แต่ความคิดสลิ่มยังคงอยู่ และจะส่งต่อไปยังลูกหลานพวกเขา เราเลยต้องต่อสู้กับมันตลอด
และถ้าถามต่อว่า มีทางเร็วกว่านี้ไหม เรายังต้องต่อสู้ตลอดชีวิตจริง ๆ หรือ?
ผมอยากชี้ให้เห็นว่าตอนนี้ในโรงเรียนยังสอนกันแบบไหน ยังมีเศษซากความคิดแบบสลิ่มเกาะกันเป็นก้อนใหญ่ ๆ อยู่ใช่หรือไม่?
ก็เหมือนไวรัสหวัด หรือ COVID-19 อีกหลายสายพันธุ์น่ะครับ เรายังต้องต่อสู้กับมันต่อไป แต่จะดีกว่าหน่อยคือสลิ่มมักไม่ค่อยกลายพันธุ์ได้เท่าไร อาจจะมีแค่ 1-2 สายพันธุ์แค่นั้น และแน่นอนว่าจะค่อย ๆ หมดไปในไม่ช้าครับ แต่ความคิดที่ว่าเราจะอยู่ด้วยกันอย่างไร อย่าง sustainable อย่างมีศักดิ์ศรี อย่างมีเหตุผล อย่างมีความเท่าเทียม จะต้องต่อสู้กันไปอีกตลอดชีวิตที่เหลือของเรา