George Orwell at 3

จอร์จ ออเวลเล่าเรื่องโรงเรียนที่อังกฤษยุค 1911

ผมอ่าน Essay ของ George Orwell ที่ชื่อ Such, Such Were the Joys ยาวนิดนึง แต่อ่านจนจบด้วยความรู้สึกที่ขมขื่น

ครั้นจะเขียนเล่า มันก็ดูมีอารมณ์ร่วมจัดที่ออกแนวเศร้า จนไม่อยากเขียน (ลองแล้ว) จนคิดว่า ผมควรจะสรุปสั้นๆ ดีกว่า มาผลิตซ้ำข้อเขียนของ Orwell ในเวอร์ชั่นภาษาไทย

โดยสรุปอย่างสั้นที่สุด โรงเรียนในอังกฤษยุค 1911 นั้นเหมือนโรงเรียนไทยยุค 90 ที่ผมเรียนเอามากๆ นั่นคือต่างกัน 80 ปี แต่เราก็ลอกเขามาเลย

  • แต่โรงเรียนของ Orwell ไม่ใช่โรงเรียนปกติ เป็นโรงเรียนเตรียม (เข้าสู่ Public School)
  • Public School ที่ UK คือโรงเรียนราษฎร์ในภาษาไทย มักจะหมายถึงโรงเรียนเก่าแก่ที่ลูกหลานขุนนางจนถึงคนมีเงิน ส่งลูกให้เข้าเรียนในช่วงมัธยม ค่าเรียนแพงมาก
  • ที่นั่งมีจำกัด แต่หมายถึงอนาคตที่สดใส เพราะคุณจะมีเพื่อนที่รวยหรือคนมีชื่อนำหน้าที่พิเศษ (ไม่ใช่เด็กชายหรือนายเหมือนคนปกติ)
  • ใครพ่อแม่ไม่มีเงิน พ่อแม่ยังมีความหวังจากการชิงทุนการศึกษา แต่จะสอบชิงทุนได้ ส่วนใหญ่ถูกผลักเข้าโรงเรียนเตรียม ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำและเน้นไปทางวิชาการ (แต่เพิ่มส่วนของกีฬาให้ด้วย)
  • โรงเรียนเตรียมนี่ก็ต้องใช้เงิน แต่พ่อแม่ Orwell เป็นพนักงานรัฐ แม่อยากให้เรียน Public School จึงใช้วิธีฝากฝังให้เข้าโรงเรียนเตรียมตั้งแต่ 8 ขวบ โดยจ่ายเงินครึ่งหนึ่ง
  • Orwell ไม่รู้ว่าเขามาเรียนแบบถูก (มีเพื่อนอีกไม่มากที่เข้ามาแบบนี้) แต่มาค่อยๆ รู้เอาทีหลัง ผ่านการถูกครูใหญ่เหยียดหยาม ผ่านการถูกเฆี่ยนตี
  • Orwell สังเกตว่า ลูกคนมีเงิน ลูกขุนนางจะไม่โดนตีเลย
  • ที่ Orwell โดนตี เป็นเพราะเขาจากบ้านมาอยู่ที่อื่นโดยไม่มีแม่ จึงฉี่รดที่นอนแบบควบคุมไม่ได้
  • ปัจจุบันอาการแบบนี้ เรารู้กันดีแล้ว คือพัฒนาการเด็กกำลังถดถอย
  • Orwell ก็มารู้ทีหลัง เพราะตอนเขียนเล่า เขาอายุจะ 40 แล้วตอนนั้น
  • แต่ในช่วงปี 1911 ไม่มีใครรู้ และสนใจ สนแต่ว่าเขาทำที่นอนเลอะ น่าอาย และต้องโดนตี เขาต้องสวดมนต์ก่อนนอน ไม่ให้ฉี่ราด แต่พระเจ้าก็ช่วยอะไรไม่ได้
  • ระหว่างที่เรียน Orwell ค้นพบว่ามีการ Bully กันตลอด คนที่ Bully ก็ลูกคนมีเงิน หน้าตาดี (กว่าเขา) และเล่นกีฬาเก่ง และครูรัก (พื้นฐานชีวิตดีกว่าทุกอย่าง)
  • เด็กบางคนมาเรียนที่นี่ เข้าเรียนฟันขาว ไม่ถึงครึ่งปีฟันเขียว น้ำก็ไม่ค่อยได้อาบ และน้ำในอ่างไม่เคยเปลี่ยน
  • โภชนาการแย่มาก เขาไม่เคยเห็นการทาเนยบนขนมปังที่บางขนาดนี้มาก่อนในชีวิต และโจ๊กที่กินตอนเช้า มีสิ่งแปลกปลอมปนมาทุกวัน เขาไม่สามารถกินโดยไม่ตรวจสอบละเอียด
  • วิชาประวัติศาสตร์ เน้นให้ท่องจำเหตุการณ์ต่างๆ ตามปี แต่ไม่ให้เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดเหตุการณ์นั้นเพราะอะไรบ้าง
  • เขาชอบวิชาธรรมชาติ (Natural History) แต่ตอนนั้นถูกมองว่าไม่สำคัญ เพราะไม่ใช่วิชาสอบชิงทุน ที่เขาต้องเรียนคือวิชา Classics
  • เวลาว่างที่เขาชอบจริงๆ คือการอ่านหนังสือได้ตามใจอิสระ กับการได้พาเข้าเมืองไปร้านน้ำชา
  • แม้ว่าเขาจะมีเงินเล็กน้อยไปซื้อของในเมือง เขาก็รู้สึกว่าถูกครูใหญ่ หรือสายสืบของเขา ตามดูอยู่ (เป็นความรู้สึกไปเอง จากบรรยากาศแห่งความกลัว) เพราะว่าห้ามเด็กเก็บเงินไว้เอง
  • ครูใหญ่ปรามาศว่า เขาไม่มีไม้คริกเกตเพราะพ่อแม่จน แต่มารู้ทีหลังว่า จริงๆ แม่ฝากเงินให้เขาแล้ว แต่ครูใหญ่ไม่ได้ซื้อให้ และตัวเขาเองก็ไม่ได้สนใจอยากทวงคืน เพราะครูมักจะเหน็บเรื่องที่เขามาเรียนโดยครูช่วย
  • แน่นอนว่า เรื่องพวกนี้ไม่ได้ส่งไปให้พ่อแม่รับรู้ เพราะเขาคิดว่าเสียศักดิ์ศรีอ่อนแอ แต่เขาเดาว่าครูไม่ตีเด็กรวย เพราะพวกนั้นฟ้องพ่อแม่
  • นอกจากถูกเหยียดหยามเรื่องจน ยังถูกขู่เสมอว่า ถ้าไม่ขยัน สอบชิงทุนไม่ได้ จะกลายเป็นเพียงเสมียนรายได้ 40 ปอนด์ต่อปี
  • สุดท้ายเขาสอบชิงทุน Eton ได้ แต่เนื่องจากต้องรอที่นั่งที่ชัดเจน เลยต้องไปเรียนที่ Wellington ก่อน 10 สัปดาห์
  • เขาเล่าว่าชีวิตที่ Eton ดีกว่ามาก มีห้องส่วนตัว
  • แต่ผลการเรียนที่ Eton ไม่ได้ดีมาก เพราะเขาสนใจเรื่องอื่นๆ อีกเยอะ จนจบ พ่อแม่ไม่เชื่อว่าเขาจะสอบชิงทุนมหา’ลัยได้ จึงให้เขาไปทำงาน เขาเลือกเป็นตำรวจที่พม่า (อันนี้ไม่ได้เล่าในข้อเขียนแต่ผมอ่านมาจากที่อื่น)
  • เขาค้นพบว่า ค่านิยมสมัยนั้นมีอะไรขัดแย้งกันเยอะ เช่นคนหนึ่งคน ต้องเป็นทั้งคริสเตียนและประสบความสำเร็จในสังคม ที่เขาบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้
  • มีบทหนึ่งเล่าว่า การมีค่านิยมทางเพศแบบ Puritan มันทำให้เด็กคนหนึ่งต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียน เพราะไปกระทำ Masterbation ครูโกรธมาก เพราะคิดว่ามันเลวร้าย โดนความชั่วร้ายครอบงำ (หน้าตาตอนกำลังฟิน) แต่เด็กคนนั้นพอออกไปแล้ว Orwell มาเจออีกที ก็พบว่าเขาสบายดี (คือตอนนั้นเขายังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องนี้ เพราะเด็กหลายวัยอยู่ร่วมกัน)
  • มีประโยคที่กล่าวถึง Siamese Prince เข้าเรียนใน St.Cyprian’s (โรงเรียนเตรียม) ผมลองเช็คดูว่าใครแต่ไม่เจอ ร.7 เรียนที่ Eton ก่อนหน้า Orwell และ Prince Birabongse เรียนที่ Eton หลัง Orwell แต่ไม่มีใครพูดถึงว่าเรียนโรงเรียนเตรียมมาก่อน

ข้อเขียนนี้ทำให้ผมเข้าใจว่าทำไม Orwell ถึงใช้ภาษาได้ดีมาก ๆ และแม้นว่าเขาอาจไม่ได้เรียนจบในระดับสูง แต่เขาสอนผมหลายเรื่องมาก โดยเฉพาะความกำกวมของภาษา มีผลต่อความคิด มีผลต่อการควบคุมความคิด

และเมื่อย้อนมาดูไทยแล้ว ระบบโรงเรียนที่เป็นของก๊อบเกรดซี ยังเอาหนังสือของ Orwell มาเป็นคู่มือมาใช้เป็นแนวทางการปกครองเสียอีกครับ

สนับสนุนให้หนังสือ Orwell เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของเด็กไทยทุกคน อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษได้ยิ่งดี!!

George Orwell at 3
Eric Arthur Blair หรือ George Orwell วัย 3 ขวบ

โปรดแสดงความคิดเห็น Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.