ออกตัวว่าเกิดไม่ทัน เอ้ย มาใช้ Mac OSX ไม่ทันได้รู้จักทั้ง Audion และ SoundJam เลยไม่ทันรู้เรื่องราวเก่าๆ ในอดีต โชคดีที่พี่ @comicstudies แนะนำเรื่องนี้มาให้
เลยไปหาอ่านดู อ่านรอบเดียวจบเพราะสนุกมาก เลยอยากนำมาแนะนำที่ Audion Story
อย่างไรก็ตามครับ สำหรับคนที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ ไม่มีเวลาอ่านยาวๆ ไม่ได้ใช้ Mac หรือไม่ได้เป็นแฟน panic ผมได้สรุปสั้นๆ ให้ได้สนุกกันด้วย
ในปี 1999 ตอนนั้น panic เพิ่งทำซอฟต์แวร์ FTP ที่โด่งดังมาถึงตอนนี้ Transmit แล้วไม่มีไอเดียอะไรอีก ขณะที่ตอนนั้น mp3 กำลังจะมา และบน Mac OS9 ตอนนั้น มีซอฟต์แวร์เล่น mp3 เพียงตัวเดียวคือ MacAmp ชื่อคุ้นๆ ไหม ตัวเดียวกับบน Windows ที่ชื่อ WinAmp นั่นแหละ แถมหน้าตาเหมือนกันอีกต่างหาก
panic ก็เลยทำ Audion ออกมาขาย แต่ก่อนที่จะออกมามีความฮาอยู่นิดๆ เมื่อพวกเขาไปงานคอนเฟอเรนส์ของ Apple แล้วพบว่าเกิดมีคู่แข่งที่ชื่อ SoundJam ทำออกมาก่อนไม่กี่สัปดาห์
อย่างไรก็แล้วแต่ Audion มีจุดขายคือมี Interface ที่สวยมาก ไม่ได้เป็นกรอบหน้าต่างสี่เหลี่ยมแต่มีส่วนที่เว้าโค้งจากการที่พวกเขาค้นพบเทคนิคบางอย่างในการจัดการ Alpha Channel (สีโปร่งใส) แต่ไม่นาน SoundJam ก็แก้ลำโดยมีระบบเปลี่ยนหน้าตาได้ ซึ่งสามารถนำหน้าตา (ในบทความเรียก Face หรือเราอาจคุ้นเคยกับคำว่า Skin) ของ Audion มาใช้ได้ด้วย!!
ตอนแรกทาง Panic ก็ Panic!! จริงๆ ครับแต่พอพวกเขาสังเกตว่า Skin ของ SoundJam นั้นขาดเงา (Drop Shadow) แบบพวกเขา ก็เลยทำลิงค์ที่หน้าเว็บของตัวเองว่า “ถ้าคุณใช้ SoundJam…” แต่ดูเหมือน SoundJam ไม่ได้ออกมาโต้พวกเขา แต่ออกมาแก้ที่ตัวซอฟต์แวร์ เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อีก 2-3 ครั้ง เพราะทุกครั้งที่ทาง Audion มีอะไร SoundJam ก็จะมีในเวอร์ชันถัดมาทุกครั้งไป (อันที่จริง SoundJam ก็มี Feature บางอย่างที่ Audion ไม่มีเช่น MP3 Encoder)
จนกระทั่งพวกเขาสองฝ่ายมาเจอกันในงาน MacWorld ทาง SoundJam จึงสารภาพว่าเพราะหน้าเว็บของ panic ที่ว่า “ถ้าคุณใช้ SoundJam…” เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้พวกเขาต้องลอก Alpha Channel มาใช้
เวลาต่อมา ทาง Apple ได้ทำการติดต่อ panic เพื่อมาคุยกันเรื่องอนาคตของ Audion แต่บังเอิญว่าหลังจากนั้นไม่นาน AOL ติดต่อมาเหมือนกัน และดูเหมือนพวกเขาจะเทียบบัญญัติไตรยางค์กับ WinAmp ที่ขายให้กับ AOL ไปก่อนในราคา $86 ล้าน ฟังดูตัวเลขสูงมากจริงๆ เพราะตอนนั้น .com ฟองสบู่แตกไปแล้ว และ MP3 คืออนาคต แต่สุดท้ายพวกเขากลัวจะเป็นเหมือนอย่างคนทำ WinAmp ที่ไม่มีอิสระภายใน AOL สุดท้ายก็ลาออกกันหมด แต่เหตุผลที่มากกว่านั้นคือเรื่องที่ตัวแทนของ AOL ที่ติดต่อมาตลอด ลาออกไป ไม่มีคนมาดูเรื่องนี้แทน อยู่ๆ ก็เลยขาดการติดต่อไปเฉยๆ
ผ่านเวลามาอีกพักใหญ่ ดูเหมือน panic จะได้กลิ่นแปลกๆ จาก Apple และสตีฟ ก็ติดต่อพวกเขา ว่าอยากให้มาคุยกันหน่อย จากนั้นพวกเขาไปงาน WWDC อีกครั้ง เพื่อที่ไปชมงานเปิดตัว iTunes แม้ว่าพวกเขายังคิดบวกว่า iTunes ยังขาด Features หลายอย่างที่พวกเขามี แต่ Apple ก็ทำ Interface ได้ดี คือเป็น One Windows Interface ขณะที่ Audion ของพวกเขาเป็นแบบ Multi Windows Interface (ความประทับใจนี้อาจทำให้เขาทำ Coda ก็เป็นได้) ไม่กี่วันต่อมาเขาได้เจอกับสตีฟ และทีมงาน สตีฟบอกเขาไปตรงๆ ว่า มันยากมากกับอนาคตของ Audion มันเหมือนคุณเอารถเข็นมาวิ่งบนรางรถไฟ และโดนหัวจักรรถไฟทับ และยังถามพวกเขาว่ามีไอเดียอะไรที่จะทำอีกไหม พวกเขาบอกว่ามีไอเดียจะทำซอฟต์แวร์จัดการภาพ สตีฟรีบตอบกลับไปว่า “หยุด อย่าทำ” พวกเขาจึงรู้ว่าทาง Apple กำลังทำอยู่ ชื่อ iPhoto สตีฟใช้เวลาไม่เยอะ แค่ 15 นาที แล้วสรุปสั้นๆ ว่าจะชวนพวกเขา (ตอนนั้นมีอยู่ 2-3 คน) ให้เข้ามาทำงานกับ Apple
ดูเหมือนว่า Apple ไม่ได้ทิ้งนักพัฒนาซอฟต์แวร์รายย่อยทีเดียว แต่ในความจริงแล้ว ที่ Apple ติดต่อไปครั้งแรก เพื่อจะให้ panic มาทำ iTunes ให้ แต่พวกเขาดันติด AOL อยู่ ทำให้ Apple เลือกใช้ทีม SoundJam ซึ่งเป็นลูกหม้อเก่าด้วย
panic ก็ยังหยิ่ง ตอบปฏิเสธ Apple เพราะยังไม่ถึงเวลาพอ พวกเขายังหนุ่ม ยังมีไฟ ยังอยากทำอะไรอีกหลายอย่าง สุดท้ายพวกเขาทำ Audion มาจนถึงเวอร์ชัน 3 และต้องหยุดพัฒนาเพราะสู้ iTunes ที่แจกฟรีและดี ไม่ไหว
ถึงตอนนี้ panic มีทีมงาน 15 คน มีผลิตภัณฑ์ไม่กี่ตัว แต่ได้รับความไว้วางใจจาก Mac User ทั้งทั่วไปและมืออาชีพอยู่มากครับ ซอฟต์แวร์ราคาไม่ได้แพงมาก อยู่ที่ประมาณ $30-$99 พวกเขามีธุรกิจที่ยั่งยืนทีเดียว