My only objective is live my life timelessly at any coordinate of the universe. (if i can) 😛
เป้าหมายเดียวในชีวิตคือการใช้ชีวิตได้โดยปราศจากเงื่อนไขของกาลเวลาและยุคสมัย ณ ที่แห่งใดบนจักรวาลนี้ (ถ้าทำได้นะ :P)Perthz Weerawat Weera
My only objective is live my life timelessly at any coordinate of the universe. (if i can) 😛
เป้าหมายเดียวในชีวิตคือการใช้ชีวิตได้โดยปราศจากเงื่อนไขของกาลเวลาและยุคสมัย ณ ที่แห่งใดบนจักรวาลนี้ (ถ้าทำได้นะ :P)
RT @adct2luv เข้าไปอ่านแล้วงงนิดๆอ่ะครับ –" < ขออภัยครับ ไม่ได้ตั้งใจเขียนให้เป็น "ภาษาเทพ" หรือให้มันดูดีนะครับ ผมพยายามเขียนให้มันคลอบคลุมความคิดที่อยากจะเป็นที่สุด ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ แล้วกัน จะดีแค่ไหน ที่ตอนอายุ 70 วิทยาการตอนนั้น น่าจะทำให้เรามีสุขภาพแข็งแรง (ถ้าไม่เกิดสงครามใหญ่เสียก่อนนะ) เพียงพอที่เราจะยังทำความเข้าใจเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้เราสะดวกขึ้น อย่างน้อยๆ ก็ใช้งานได้ โดยไม่รู้สึกแปลกแยกจากมัน เพราะเราพยายามพัฒนาตัวเองให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการแพทย์ ด้านการศึกษา สื่อสาร การผลิต ฯลฯ อย่างต่อเนื่อง นับแต่เล็กจนโต อาจไม่ต้องถึงกับลึกมาก แค่เข้าใจภาพรวมของมันจะดีแค่ไหนที่ตอนอายุ 70 เราได้เดินทางไปดาว a3b77 ในเขตแอนโดรเมด้า (สมมติ) แล้วเราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายๆ ร่วมกับมนุษย์ต่างดาวจากที่อื่น โดยไม่มีข้อจำกัดด้านวัฒนธรรม เพราะเราพยายามพัฒนาตัวเองให้มีความคิดแบบ Universal Mind โดยไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่ที่กรอบความคิดแบบชาวโลก (ในวันนั้น)เรื่องของอนาคตอาจฟังดูรั่วๆ เพี้ยนๆ ไปบ้าง ลองเอาฟังตัวอย่างจากปัจจุบันดีกว่าที่อายุปัจจุบัน เราสามารถคุยกับเด็กอายุ 10 ขวบ 20 ขวบ ได้ คุยกับผู้ใหญ่อายุ 60-70 ได้ เพราะเราทำความเข้าใจพวกเค้า ผ่านสิ่งที่พวกเค้าเคยได้สัมผัสมา ไม่ว่าจะเป็นสื่อต่างๆ ประวัติศาสตร์ในยุคสมัยพวกเค้า และพอจะเข้าใจว่านิสัยต่างๆ วิธีคิดแบบต่างๆ ที่เค้าเป็นนั้น หล่อหลอมมาจากอะไร :Dเราสามารถเดินทางไปเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน ไปตะวันออกไกล ไปไหนก็ได้ที่อยากไป และได้รับอนุญาติให้ไป เราพยายามเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับเค้าด้วยภาษาของพวกเค้าเอง เข้าใจวิธีคิด ความเป็นมา และการใช้ชีวิตในแบบของพวกเค้า ฯลฯประมาณนี้อ่ะครับ หรือจะสรุปง่ายๆ ก็คือ "จะไปไหนก็ได้ที่อยากไป ในเวลาใดก็ตามที่ต้องการ" อธิบายเสียยาว สุดท้ายสรุปออกมาก็บรรทัดเดียว เหมือนเดิม 😛
ครอบคลุม ไม่ใช่ คลอบคลุม ขออภัย เดี๋ยวมี "ครูสอนภาษา" มาจับผิดอีก 😛
อ่ะ มีหลังไมค์มาถามอีก 1 ว่าแล้วเป้าหมายตอนหลัก 1 (วัยรุ่น) ล่ะ?ตอบ ตอนวัยรุ่นก็มีนะ เป้าหมายเคว้งคว้างมากมาย ตามความรั่วของคนช่างฝัน :Pแต่เป้าหมายสูงสุด ณ ตอนนั้นคือ "อยากใช้ชีวิต อย่างมีคุณค่า" (ต่อสิ่งแวดล้อม สังคม เพื่อนมนุษย์) พอใช้ชีวิตจริงๆ จึงเห็นว่ามันซับซ้อนมาก ตัวอย่างเช่น การทำธุรกิจในสังคมแข่งขัน เราอาจสร้างคุณค่าบางอย่างขึ้นมาจากเนื้องาน แต่เราก็อาจกำลังทำร้าย (หรือโดนทำร้าย) จากคู่แข่ง เลยไม่กล้าเรียกสิ่งนั้นว่า "มีคุณค่า" อีกต่อไป (แม้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะให้ค่า + ต่อสังคมก็เถอะ)แต่ก็พยายาม (แอบ) ทำอยู่เรื่อยๆ ถ้ามีโอกาส ล่าสุดเพิ่งเอาขยะหน้าตู้ ATM ไปทิ้งเอง (มีคุณค่ามาก) :Pเอ้ ทำไมยิ่งโตยิ่งรู้สึก "เห็นแก่ตัว" หว่า อิอิ 😛
live the life timelessly ยังมีความหมายอีกอย่างว่า ชีวิตเราอาจมีขอบเขตจำกัด แต่หากเราสร้าง "ผลงาน" ที่มันอยู่ได้นาน (ยากมาก) ก็เท่ากับชีิวิตของเรา ถูกยืดต่อให้เท่ากับอายุของผลงาน ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะทำได้ขนาดไหน แค่ลองตั้งเป้าเอาไว้ก่อนน่ะครับ 😛
แปลกๆ ผมอ่านแล้วเหมือนว่าผมจับใจความผิดเลยแฮะ ผมอ่านแล้วคิดว่าคุณ Phz ต้องการเปิดใจ เปิดตาให้กว้าง ไม่ได้จำกัดตัวเองกับกรอบต่างๆ ซะอีกส่วนผมอ่านแล้วผมก็รู้สึกเหมือนอยากคงความเด็กอย่างนี้ไว้ตลอด ถ้ามีลูก หรือมีหลานก็เล่นกับเค้า คุยกับเค้า ได้เหมือนเพื่อนซี้คุยกัน เที่ยวกัน หัวเราะกัน เหนื่อยด้วยกัน ลุยด้วยกัน ^^
RT @adct2luv แปลกๆ ผมอ่านแล้วเหมือนว่าผมจับใจความผิดเลยแฮะ ผมอ่านแล้วคิดว่าคุณ Phz ต้องการเปิดใจ เปิดตาให้กว้าง ไม่ได้จำกัดตัวเองกับกรอบต่างๆ ซะอีก < ใช่เลยครับ อันนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ^ ^