ประวัติศาสตร์นอกหนังสือเรียน: ตอนสยามในสงครามโลกครั้งที่ 1

ผมอยู่ NZ ไปที่ไหน ก็มักจะเห็น Monument หรือหลักศิลาที่จารึกชื่อของทหารที่ส่งไปร่วมรบสงครามโลกครั้งที่ 1 คือ NZ เป็นส่วนหนึ่งของ British Empire จึงส่งทหารไปร่วมรบแต่แรก แต่เสียชีวิตเยอะพอสมควร ทุกเมืองที่ส่งทหารไป มีชื่อคนไปและเสียชีวิตจารึกไว้หมด เลยมาคิดถึงของไทยบ้าง ในฐานะที่ผมได้หนังสือ Siam and World War I: An International History ตั้งแต่อยู่ไทย

ผมมีเกร็ดที่น่าสนใจเกี่ยวกับสยามเวลานั้นเล่าสู่กันฟัง บางอันคุณอาจตกใจเล็ก ๆ

  1. สยามไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใครในยุโรป อันที่จริงคือเป็นมิตรทั้งอังกฤษและเยอรมัน ยอดการค้าขายระหว่างสยามกับเยอรมันต่อปีในตอนนั้นอยู่ที่ 22 ล้านมาร์ค สยามมีคนเยอรมันทำงานอยู่ในรัฐบาลถึง 48 คน มีหนึ่งคนช่วยเซตระบบหอสมุดแห่งชาติ อีกคนดูแลและกำกับ SCB (แบงก์สยามกัมมาจล) ในขณะที่สยามมีเพื่อนบ้านประชิดซ้ายขวาอย่างอังกฤษและฝรั่งเศส แต่เยอรมันไม่ได้มีภัยต่อสยามในแง่นี้เลย แต่ยังไงอังกฤษมีส่วนสำคัญในการค้าขายข้าวกับไทย กรณีแบบนี้การวางตัวเป็นกลางจึงดีที่สุด เพราะไม่มีเหตุผลที่จะลงสงครามไปเพื่อใคร
  2. ส่วนในบรรดา Prince (เจ้าฟ้า) มีเสียงที่แตกกัน บางคนชอบอังกฤษ (Devawongse Varoprakar เจ้ากระทรวงต่างประเทศ), กษัตริย์วชิราวุธ (เป็นนักเรียนเก่าอังกฤษ), บางคนเรียนอยู่เยอรมัน (Mahidol Adulyadej) บางคนชอบรัสเซีย ฝรั่งเศส แต่ไม่ชอบอังกฤษ (Chakrabongse Bhuvanath) รายหลังนี้อยากทำสงครามด้วย ซึ่งในตอนท้ายแล้วเป็นคนสร้างกองกำลังรบในสงครามนี้ ยังมีอีกหลายคนที่ผมไม่ได้ยกมา แต่ล้วนแล้วมีความคิดเห็นของตัวเองหมดครับ ว่าชอบใครไม่ชอบใคร
  3. แต่ถึงไม่ได้รบ ผลจากสงครามก็ส่งผลถึงสยามอยู่ดี เศรษฐกิจซบตัวรุนแรง เรือที่เข้ามาเทียบท่าหายไป เรือของเยอรมันที่เทียบท่าที่ฮ่องกงกับสิงคโปร์ต้องมาขอจอดที่สยามแทน ราคาสินค้านำเข้าขึ้น 30-40% การสร้างทางรถไฟหยุดชะงัก เพราะหาโลหะหนักกับซีเมนต์ไม่ได้ แม้ต่อมาราคาสินค้ากลับเข้าสู่ปกติช่วงเดือนสิงหา เพราะเรืออังกฤษและนอร์เวย์กลับมาทำการขายได้ใหม่ แต่ธุรกิจเยอรมันในไทยประสบปัญหาหนัก ในปีถัดมาบริษัทการค้าเยอรมัน-สยาม (Deutsch-Siamesische Handelsgesellschaft) ต้องเซ้งกิจการต่อ
  4. Prince Mahidol ยังเรียนอยู่ที่เยอรมันตอนสงครามเริ่ม และมีการขอให้ไปอยู่ในรัฐที่เป็นกลางในตอนนั้น แต่ Prince ยังไม่ไปทันทีจนถึงปีถัดไป ส่วน Prince Prajadhipok (ต่อมาคือ ร.7) นี่ตอนนั้นทำงานในกองทัพเยอรมัน ก็ถูกขอให้ออกจากตำแหน่งเพื่อให้ตรงกับการที่สยามประกาศตัวเป็นกลาง
  5. ระหว่างที่สยามวางตัวเป็นกลางอยู่นั้น ทางเยอรมันก็มีแผนปฏิบัติการ โดยใช้สยามเป็นตัวเชื่อมระหว่างอเมริกาเหนือกับชายแดนพม่า โดยจะปั้นกองกำลัง 10,000 คน เพื่อล้ม British Empire ในอินเดีย เงินทุนส่งจากอเมริกา และกงสุลเยอรมันในไทยมีส่วนช่วย ปฏิบัติการนี้สำเร็จบางส่วน
  6. มาดูฝั่งบริติช ตอนนั้นหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในสยามนั้นอยู่ข้างสัมพันธมิตร (Entente) แต่แรกแล้ว ส่วนเยอรมันก็ตอบโต้ด้วยหนังสือพิมพ์ของตัวเอง Umschau ตอนนั้นแผนการของเยอรมันในอินเดียแตก โดยคนสยามทำงานร่วมกับบริติช ทำให้ทางบริติชพอใจมาก กษัติรย์วชิราวุธนอกจากจะแสดงตัวในปีถัดมาว่าอยู่ข้างไหน ยังบริจาคเงินช่วยเหลือแม่ม่ายและลูกกำพร้าของกองกำลัง Durham Light Infantry ซึ่งเป็นที่ที่ตัวกษัตริย์เองเคยรับใช้
  7. ผลคือ King George V มอบตำแหน่งนายพลกิตติมศักดิ์ (honorary generalship) ให้กับกษัตริย์วชิราวุธ ทางสยามเลยมอบกลับให้ทางอังกฤษบ้าง (มิงั้นมันจะดูเหมือนว่าใครเป็นนายใคร) ต่อมาทางเยอรมันจมเรือบริติช RMS Lusitania ด้วยเรือดำน้ำยิงตอปิโดใส่ เหตุการณ์นี้ ร.6 ถึงกับต้องเขียนบทความยาวประนามการกระทำลงในวารสารทหารเรือชื่อ ‘สมุทสาร’ โดยใช้นามแฝง เพื่อให้ไม่สาธารณชนรู้ว่าตัวเองมีความคิดเห็นแบบใด
  8. แต่ในที่สุดสยามก็ประกาศร่วมสงครามอยู่ดี ในปี 1917 หรือ 3 ปีหลังจากจุดเริ่มสงคราม โดยอาศัยใช้เหตุการณ์นี้เป็นตัวโปรโมทความเป็นชาติสยามในระดับนานาชาติ มีการออกแบบธงไตรรงค์ใหม่ (จากธงช้างเผือก) เรือเยอรมันที่จอดอยู่ในท่าเรือสยาม 12 ลำถูกยึด คนเยอรมันในสยามโดนจับและส่งไปอินเดีย เพื่อรวมกับคนเยอรมันอื่นในแคมป์ควบคุมตัว
  9. กองกำลังเข้าร่วมรบ เป็น ‘กองกำลังอาสา’ จำนวน 1284 นาย นำมาฝึกในปี 1917 และส่งไปยุโรปนำโดย Major General Phraya Pichai Charnyari (เดาว่าพระยาพิชัย ชาญฤทธิ์-พระยาพิชัยคือตำแหน่ง) เรือจอดที่เมืองมาร์เซย์ Marseille วันที่ 30 July 1918 จุดน่าสนใจของกรณีนี้คือ สยามส่งทหารไปโดยไม่มีเสื้อหนาวใส่!! เดือดร้อนทางโน้นให้ช่วยหาเสื้อหนาวให้ (ผมอยากให้ผู้อ่านลองทบทวนมุมมองและความเห็นของคนที่ส่งทหารไปโดยไม่มีเสื้อหนาว)
  10. แต่ไปถึงแล้ว มีเสื้อหนาวแล้วก็ยังไม่ได้รบทันที 5 วันถัดมา นักบินและกองกำลังพื้นดินถูกส่งไปยัง 4 เมืองในฝรั่งเศสเพื่อฝึก เพราะอย่างนักบิน ยังไม่สามารถทนต่อการสู้รบในที่สูงได้ บางส่วนถูกแบ่งออกไปเป็นแรงงานอาสาในแนวหน้าของการต่อสู้ครั้งที่สองที่มาร์น Marne รอบนั้นนี่ตัวแม่ทัพพระยาพิชัย ได้เป็นผู้สังเกตการณ์ในหลุมเพาะ ต่อมากำลังภาคพื้นดินได้เข้าสู้รบในแนวหน้าถึงกลางเดือนกันยายน
  11. ในช่วงเวลาเดียวกัน ทีมแพทย์และทีมยานยนต์ส่งไปแนวหน้าในการบุกที่ Meuse River–Argonne Forest (Meuse–Argonne offensive) ส่วนทีมนักบินยังฝึกไม่เสร็จในตอนที่มีการเซ็นสัญญาหยุดยิงในเดือนพฤศจิกายน (Armistice of 11 November 1918) แต่กองกำลังภาคพื้นดินมีประสบการณ์รบมาแล้ว แล้วได้รางวัล Croix de Guerre, Order of Rama และยังมีส่วนในการเข้ายึดเมือง Neustadt an der Haardt และจบสวย ๆ ในการเดินพาเหรดที่ปารีส
  12. จบสงคราม สยามได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในสนธิสัญญาแวร์ซาย และเป็นสมาชิกร่วมก่อตั้งสันนิบาตชาติ (League of Nations) ผลคือสหรัฐ อังกฤษ ฝรั่งเศสเลิกเคลมสิทธิเหนือสยาม เรือเยอรมันที่สยามยึดไว้ ก็ได้ไปเลย (ผมนี่สงสารผู้ประกอบการเยอรมันมาก)
  13. ยอดผู้เสียชีวิต 19 คน (2 คนตายก่อนออกไปฝรั่งเศส-อันนี้น่าสงสัยมาก ว่าตายยังไง) อีก 17 คนตายด้วยอุบัติเหตุหรือโรคภัย มีอนุสรณ์สถานที่สนามหลวง และคนสุดท้ายที่มีชีวิตอยู่ คือคุณยอด แสงรุ่งเรือง (Yod Sangrungruang) เสียชีวิตในปี 2003 อายุ 106 ปี

Source:

#ประวัติศาสตร์นอกหนังสือเรียน

 

Trackbacks for this post

  1. Living the Future Podcast ตอน Streaming Media | In PHz Opinion

โปรดแสดงความคิดเห็น Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.