สมัยหนึ่ง คนไม่สนใจเรื่องความดังของทีวี มันเลยกลายเป็นช่องว่างของคนทำ Content ที่ใช้พวก Loudness Maximizer หรือตัวปรับความดัง จนทะลุ meter อันนี้ตั้งแต่พวกรายการทีวีไปจนถึงพวกเพลงและ MTV ไปจนถึงพวกโฆษณาเพราะเวลาโฆษณาอันใหม่มีเสียงดังกว่าอันเดม มันเหมือนเป็นการเรียกความสนใจ เหมือนมีใครมาพูดว่า เห้!!! ดัง ๆ
แต่พวกนี้มันไม่ได้เป็นแค่ เห้ โดด ๆ แต่มันดังนาน ดังตลอดเวลา ดังจนผมรู้สึกว่า ถ้าดูทีวีไปแบบนี้ อาจมีอารมณ์เกรี้ยวกราด และหูอาจมีปัญหาได้ เลยไม่ได้ดูทีวี หรือฟังอะไรที่มีลักษณะเสียงดังล่าสุดพวก Platforms ต่าง ๆ ตั้งแต่ YouTube, Facebook, Apple Music, Spotify ฯลฯ เข้ามาจัดการเรื่องพวกนี้ คือไม่ว่าใครทำคลิปมาแค่ไหน ระบบจะทำการ normalize หรือปรับความดังให้ใหม่ โดยสร้างมาตรวัดแบบใหม่ เรียกว่า LUFS – Loudness units relative to full scale เพื่อวัดกันไปเลยว่าแท้จริงแล้วเสียงนั้นดังแค่ไหน
ยกตัวอย่างเช่น Spotify กับ YouTube ใช้อยู่ที่ -14 LUFS ขณะที่ Apple Music ที่ -16 LUFS คือต่อให้ทำมาดังแค่ไหน ก็โดนปรับเรียบให้เป็นไปตามมาตรฐานเขา คนทำ Content ที่จริงจังเรื่องนี้จริง ๆ เลยต้องวัดก่อน เพื่อให้เสียงมันเหมือนกับสิ่งที่เราต้องการ การโดนคนอื่นปรับให้อาจทำให้สูญเสีย Dynamic หรืออารมณ์ของเพลงหรือคลิปนั้นได้ด้วยทีนี้
@jay ส่ง TikTok คลิปนี้มาให้ผมดู ก็ตกใจกับเสียงที่มันดัง เพราะตอนนั้นก็ต่อ Studio Speakers อยู่ เลยลองวัดดู วิ่งวน ๆ ที่ -11 ถึง -12 ก็คือดังมากให้เห็นภาพจาก -14 ไป -11 มันไม่ได้ห่างกันแค่ 3dB แต่หมายถึงความดังสองเท่า ใครชอบเล่น tiktok อยากเตือนให้ระวังเรื่องนี้ อย่าเปิดดังไปนะครับ หูพังก่อนวัยอันควรแน่นอนและ TikTok มึงต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้!