กรุงเทพ-ฮ่องกง-เสียมเรียบ-พนมเปญ-กรุงเทพ
อันเนื่องมาจาก Business Trip ครั้งแรกเกิดขึ้นเร็วมากจนไม่มีเวลาเก็บรายละเอียด (ไปบ่ายวันหนึ่ง กลับเช้าอีกวัน) รอบนี้เลยมีจังหวะดี ๆ เลยลองเขียนบอกเล่าประสบการณ์กันครับ
รอบนี้ มีเวลารู้ล่วงหน้านิดหน่อย เลยเตรียมติดต่อ Supplier ที่นั่นไว้ จริงๆ ก็กังวลนิดหน่อย เพราะไม่เคยเจอกันมาก่อน ถ้าเกิดอะไรผิดพลาดไปนี่ จะแก้มือไม่ทัน เพราะมันติดปีใหม่แล้ว เราไปทริปนี้เพื่อแก้ปัญหาให้ทันปีใหม่
ออกเดินทางบ่ายวันที่ 18 ธันวาคม ผู้ช่วยผมคอยเตือนไว้ก่อนแล้ว ว่าอย่าลืม Passport ผมเองก็นึกในใจว่า Passport อยู่ในกระเป๋าตลอดเวลา วันก่อนเพิ่งแลกเงิน THB เป็น HKD ซึ่งต้องใช้อยู่แล้ว ตอนนั่งรถมาสนามบินก็คิดแต่เรื่องงานไม่ได้เอา Passport มาเช็ค จนกระทั่ง… ตอนไปถึง Counter Check-in สนามบิน แล้วเจ้าหน้าที่บอก Passport ผิดหรือเปล่า มันคือใบเก่า?!!!!!!
เท่านั้นล่ะครับ โทรกลับบ้านทันที เดือดร้อนทางบ้านต้องตามหา Passport บนห้องรก ๆ ของผม ตกเครื่องบิน ต้องเลื่อนไปไฟล์หนึ่งทุ่ม จากเดิมบ่าย 2 กว่า ซึ่งเลื่อนจาก 11 โมงมารอบหนึ่งแล้ว
แต่ปัญหานั้นจบลงด้วยดี ส่วนหนึ่งคือผมเรียก Uber (ใช้ Link นี้สมัครเพื่อรับส่วนลด) ให้ไปรับ Passport จากที่บ้าน แล้วนำมาส่งสนามบินให้ ก็รอดไปหนึ่ง แม้เสียเงินเพิ่มอีกนิดหน่อย
รอบนี้ใช้ Royal Silk (Business Class ของการบินไทย) เลยทำให้มีเวลาอยู่ใน Lougne นานหน่อย ก็พอรับได้ ขอแค่มี Nikei Asean Review ก็พอ ส่วนกระป๋องในภาพคือของแถมครับ แต่ถ้าเลือกได้ ผมเลือกให้ไปทัน Flight บ่าย 2 ดีกว่า เพราะจะมีเวลาทำอะไรอย่างอื่นตอนช่วงค่ำด้วย
จุดยืนรอสำหรับ Group Tour ที่สนามบินนานาชาติฮ่องกง
ไปถึงฮ่องกงเกือบ 5 ทุ่ม รีบเช็คเอาท์ออกมาเข้าโรงแรม Regal Airport Hotel ซึ่งการจองตั๋วเครื่องบินกับโรงแรม เราใช้ Traveloka เหตุผลสำคัญเลยคือเทียบราคาง่าย ไม่ยุ่งยาก เพราะไม่ต้องเจอราคาแบบที่ยังไม่รวมค่า Service Charge
เหตุผลที่เลือก Regal Airport Hotel เพราะ
- ห้องใหญ่ ของในตู้เย็นกินได้หมด ไม่ต้องกังวล มีเครื่องทำกาแฟระบบแคปซูลด้วย เลยได้ลองเล่นเต็ม ๆ แต่ดันไม่ชอบรสชาติ
-
ใกล้สนามบินแบบอยู่ติดกัน เหมาะต่อการมา Business Trip รีบมารีบกลับ
-
วิวสวยมาก ในห้องอาหารชั้นบน มองไปเห็นรันเวย์และทะเล ขณะที่วิวในเมือง แม้จะดูคึกคัก แต่ฟ้ามักจะครึ้ม ๆ ชวนหดหู่
และหากจะเข้าเมืองจริง ๆ มีรถไฟความเร็วสูง จ่ายเหมาไปกลับวันเดียวที่ 90 HKD ถือว่าราคารับได้
หลังจากนอนหลับพักผ่อน และขึ้นมาทำงานสำคัญรอบเช้า ผมรีบเดินทางเข้าเมืองไปทำธุระสำคัญ โดยเป้าหมายคือย่าน Kwun Tong ซึ่งเป็นย่านที่ไม่เคยไปมาก่อน (มาฮ่องกงครั้งนี้ครั้งที่ 8 แล้ว) หลังจากทำธุระเสร็จก็เย็น ๆ แล้ว แวะกินบะหมี่แถวนั้น มีห้าง APC เป็นห้างที่มี CI สวยมาก ที่ชอบคือมี Apple Store ด้วย
จากนั้นก็ทำธุระสำคัญอีกอย่างคือ ซื้อกระเป๋า Doughnut แถวย่าน Sham Shui Po อันนี้เป็นภาระกิจพิเศษ ได้กระเป๋าสมใจแล้ว นั่งรถไฟไปลงแถว North Point เพื่อไปดูตลาดร่มหุบเวอร์ชันฮ่องกงอันโด่งดัง ที่ที่รถรางจะวิ่งผ่านตลาด แบบใกล้ชิด ก็เป็นภาพที่แปลกตาดี แม้ของไทยจะมีคล้าย ๆ กัน แต่มันคนละอารมณ์ รถรางที่นี่สวยมาก
ปิดท้ายของว่างด้วยร้านที่ผมชอบเป็นพิเศษ Open Kitchen ที่ห้าง IFC Mall หลายคนอาจบอกว่ามันเป็นอาหารธรรมดา แต่ความธรรมดานี่แหละ ที่ชอบ ร้านนี้อยู่ตรงข้าม Greyhound ที่ข้ามทะเลไปดังถึงโน่น แต่ Open Kitchen ไม่มีในไทยไง
จากนั้นรีบกลับโรงแรมไปพบลูกค้า เรานัดกันที่ร้าน China Coast Bar & Grill อยู่ชั้นล่างของโรงแรม อาหารดีมาก ไฮไลท์คือ Seafood Plate มาเป็นล็อบสเตอร์ตัวใหญ่ แต่ผมชอบหอยหวานที่มีมาให้เพียงตัวเดียว แต่อร่อยเต็มคำมากกว่า
จากนั้นก็รีบแยกย้ายกันไปนอน เพราะมีธุระอีกแห่งที่เสียมเรียบตอนเช้า และพนมเปญบ่าย ต้องบินไปทั้งสองที่ในวันเดียวเลยครับ
ไฟล์ทไปเสียมเรียบจากฮ่องกง บินเช้านิดนึง นี่เป็นเหตุผลอีกอย่างที่ทำไมพักตรงสนามบิน เสียมเรียบเป็นเมืองที่ผมอยากสำรวจมาก แต่เคยมาสองครั้ง และยังไม่เคยได้สำรวจเลย
ช่วงบ่ายบินไปพนมเปญต่อด้วยสายการบินในประเทศ เป็นครั้งแรกที่ได้บินสายการบินสัญชาติเขมร ถึงพนมเปญแล้วงีบหลับเป็นตายเลย ใจจริง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากกลับไทยเลยวันเดียวกัน แต่… มันมีกฏหมายประหลาดที่ห้ามคนอาเซียนที่เดินทางมาจากฮ่องกง เข้ามาเพื่อ Transit ในเขมรแบบวันเดียว คือถ้าเราเดินทางจากกรุงเทพไป จะไปเช้าเย็นกลับได้ แต่ถ้าไปจากที่อื่น เช่นฮ่องกง จะรีบร้อนกลับในวันเดียวไม่ได้ เขาถือว่าพฤติกรรมน่าสงสัย เลยต้องอยู่ต่ออีกคืนนึง
บอสใหญ่ใจดีพามาเลี้ยงที่ร้านอาหารฟิวชั่นตกแต่งบรรยากาศแบบร้านใน San Franscisco เจ้าของเป็นคนเขมรอเมริกัน ภรรยาเป็นชาวสิงคโปร์ สรุปเลยได้กินบั๊กกุเต้สุดอร่อยที่นี่ นอนหลับสบายละคืนนี้
วันสุดท้าย หลังจากแวะชิมอาหารจีนแล้ว ก็ไปแวะนั่งทำงานที่ร้าน Coffee Bean & Tea Leaf ทำงานไปอยู่ดี ๆ มีกองถ่ายละครมา โต๊ะอื่น ๆ เขาลุกให้หมด แต่งานเราต้องส่งไง เลยนั่งทำงานไม่ลุกไปไหน ทำจนเกือบเสร็จ เห็นทีมงานยิงกล้องกันรัว ๆ นี่เลยเอากล้องเรามายิงมั่ง
ทำงานเพลิน 5 โมงกว่า บอสตามให้รีบกลับ เพราะจะได้ไปทันไฟลท์ 3 ทุ่ม เก็บของกลับบ้าน ก็เป็นอันจบทริปนี้ไปแบบสวย ๆ ได้งาน ได้เที่ยวนิดหน่อย ที่หนักไปหน่อยคือได้กิน
ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ