มีญาติมาขอคำแนะนำ เลยนั่งเขียนให้คร่าวๆ ครับ เพราะที่ไปเป็นเด็ก 4 คน ที่เหมือนเป็นน้องผมทั้งหมด เกือบทุกคนอายุยังวัยรุ่นกลางๆ กันอยู่เลย เลยขอลงมือเขียนอะไรบางอย่าง ที่หลายอย่างผมจ่ายภาษีความไม่รู้ไปก่อนแล้ว เพื่อให้พวกเขาไปกันได้อย่างสะดวกที่สุด ให้เป็นทริปที่ประทับใจกันครับ
การเตรียมตัว
- ไม่ต้องมี Visa ใช้ Passport ไทยเข้าไปได้เลย
- จองโรงแรมล่วงหน้าจากไทยก่อนไป เพื่อความสะดวก กรณีต้องการประหยัดสามารถนอน Hostel ได้ มีห้องสำหรับนอน 4 คน แนะนำที่ River City Inn หรือ Rucksack อยู่บนตึกเดียวกันนั่งรถไฟฟ้าไปมาสะดวกจากสถานี Clarke Quey ค่าใช้จ่ายตกคนละประมาณ 6-700 บาท กรณีนอนโรงแรม โรงแรมเล็กๆ ใจกลางเมืองค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 2000 บาทขึ้นไปต่อสองคน จองได้ผ่าน agoda.com หรือเว็บที่ใช้บริการประจำ
- ศึกษาเส้นทางรถไฟฟ้า ตำแหน่งของโรงแรมในแผนที่ และตำแหน่งของสถานที่ที่อยากไปก่อน รถไฟฟ้าจะมีอยู่ 3 สายหลัก ใช้สีแทนสายเช่นสายสีเขียว EW Line, สีแดง North-South Line, สีม่วง North-East Line ส่วนสายสีส้มเป็นสายย่อย วิ่งรอบสถานีหลักบางสถานีอีกที
- บางครั้งอาจต้องขึ้นรถเมล์ วิธีขึ้นรถเมล์ที่ดีที่สุดคือดู google map บนมือถือ เพราะการดูที่ป้ายจะงงและดูยากมาก โดยเฉพาะเส้นที่มีรถเมล์ผ่านเยอะๆ
- ถ้ามีบัตรเครดิตจะสะดวกมาก เพราะจ่ายเงินซื้อบัตรเข้างานต่างๆ ไปจนถึงของกินของใช้ได้ ทำให้ไม่ต้องแลกเงินไปเยอะ
เมื่อเดินทางไปถึง
- กรณีตั้งใจจะแลกเงิน Singapore Dollar ที่โน่น แลกที่สนามบิน Changi ก็ให้อัตราที่ไม่แพงนัก ค่าอาหารต่อคนต่อมื้อจะอยู่ที่ 100-150 บาท $4-6 SGD และสามารถซื้อ Simcard ได้จากจุดแลกเงินเช่นของ UOB ราคาไม่ควรแพงกว่า $15 SGD เว้นแต่ต้องการใช้เกิน 5 วัน กรณีตั้งใจใช้ Data บนมือถือ ควรอ่านวิธีการเปิด Data Package แล้วทำเมื่อใส่ซิมทันที เพราะไม่งั้นซิมจะหมดเงินภายใน 1-2 ชั่วโมง
- กรณีต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้าตลอดทริป การซื้อบัตรโดยสารเติมเงิน จะช่วยประหยัดเงินและเวลาได้มาก หาซื้อได้ที่สนามบินเช่น 7/11 ควรซื้อก่อนเดินลงไปขึ้นรถไฟฟ้าเพราะที่สถานีไม่มีขาย ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ $15 ใช้หมดแล้วเติมเงินได้จากตู้ขายตั๋วอัตโนมัติ
สถานที่น่าสนใจ
- เกาะเซนโตซ่า (ใช้เวลา 1 วัน) เดินทางไปผ่านรถไฟฟ้าสายสีม่วงลงสถานี Harbour Front แล้วต่อรถไฟฟ้ารางเดี่ยว Monorail ที่ห้าง Vivocity อีกที หรือสามารถนั่งรถเมล์ไปตรงก็ได้ ที่นั้นจะมีรูปปั้นสิงโตยักษ์ Merion, Resort World, Universal Studio (สวนสนุก ต้องจองตั๋วจากเมืองไทย และใช้เวลาเที่ยวที่นี่วันเดียวหมด 1 วัน), ชายหาด (เมืองไทยสวยกว่าเยอะ แต่ก็ดูวิธีการตกแต่งสถานที่ของเขาได้) และมีกิจกรรมอื่นๆ เช่นกระเช้าลอยฟ้า โกคาร์ท ฯลฯ
- Marina Bay (ใช้เวลา 1/2 วัน) ที่นั่นมี Singapor Flyer ชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ (เสียค่าขึ้นประมาณ $25-30 ต่อคน ซื้อบัตรด้านหน้าได้เลยไม่ต้องจอง) อาคารรูปหนามทุเรียน Esplanade ในนั้นมีโรงละคร มีการแสดงตลอด มีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กน่าสนใจ สิงโตพ่นน้ำ Merion นักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพตรงจุดนี้กันเยอะ Marina Bay Sands อาคารรูปเรือ ในนั้นมี Shopping Mall โรงหนัง พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (เสียเงินเข้าชมทั้งหมด) เสียเงินขึ้นไปชมดาดฟ้าได้
- Marina Barrage (ใช้เวลา 1/4 วัน) เป็นฝายกั้นน้ำ อยู่ใกล้ๆ Marina Bay Reservoir ทำเป็นสวนน่าชมมาก มีส่วนที่เป็นสนามหญ้าให้คนขึ้นไปนั่งเล่นชมวิว มองเห็นวิวทั่ว Marina Bay และมี Gallery อธิบายการทำงานของฝายกั้นน้ำ ไปจนถึงความสำคัญของน้ำ
- Orchard Road (ใช้เวลา 1/4 วัน) ดูความสวยงามของตึกและ Shopping Center จุดที่น่าสนใจคือห้าง ION และ 303 แต่รอบบริเวณนั้นก็น่าเดินเล่นทั้งหมด สถานฑูตไทยก็อยู่บนถนนสายนี้
- Botanic Garden (ใช้เวลา 1/4 วัน) อยู่เลย Orchard Road ไปทางตะวันตกนิดหน่อย เหมาะสำหรับคนที่ชอบธรรมชาติ เสียเงินเข้าไปดูพันธุ์กล้วยไม้และอื่นๆ
- เที่ยวแนวสวนสัตว์ที่เด็กๆ น่าจะชอบ มี Singapore Zoo, Jurong Birdpark และ Night Safari กรณีวางแผนเที่ยวทั้งหมด สามารถจองบัตรผ่านเน็ตแบบควบ 3 ที่ จะทำให้ประหยัดเงินกว่าซื้อหน้างาน แต่ละที่ไม่ได้อยู่ติดกัน วางแผนไปเที่ยววันต่อวัน ยกเว้น Night Safari สามารถยกไปไว้เป็นโปรแกรมกลางคืนได้
- สถานที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น Singapore Art Museum อยู่กลางใจเมือง ย่าน Chinatown มีของกินและวัฒนธรรมจีน แต่คนไทยที่คุ้นเคยอาจไม่สนใจ ย่าน Little India ชุมชนคนอินเดียที่สิงคโปร์ หรือจะเดินเล่นที่ย่านริมแม่น้ำสิงคโปร์ เช่น Qlarke Quey หรือ Boat Quey ที่อยู่ใกล้ๆ กัน
- กรณีชอบอ่านหนังสือ แนะนำ National Library of Singapore เพราะแค่เข้าไปเห็นสถานที่ก็ได้แรงบันดาลใจดีๆ กลับมาแล้ว ผมชอบไปใช้เวลาที่นั่นแบบหมดวัน
ปีนี้ยังไม่ได้วางโปรแกรมเลยว่าจะไปเมื่อไร เขียนเองแล้วอยากไปสิงคโปร์อีก